วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

TMGS4 Mikage Kojirou sensei part 2 รีวิว+สปอย

วันนี้มาเล่ารูทมิคาเงะเซนเซย์ต่อค่ะ เน้นความเห็นส่วนตัว+สปอย

อย่างที่ทุกคนรู้ บ้านมิคาเงะเซนเซย์เป็นสวนและฟาร์ม เขาจะชอบทำสวน และมีวัวสุดรักชื่อโมรี่

แต่ถ้าเล่นไป เราจะได้รู้ว่าเซนเซย์นี่รักการทำสวนและฟาร์มมากจริงๆ มีแฟน(สัตว์)ไปทั่ว 

ขนาดในฟาร์มที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังเป็นแฟนกับม้า

นอกจากนี้ เมื่อเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น ก็จะได้รู้ว่ามิคาเงะเซนเซย์เนี่ย เป็นเด็กนอกนะคะ 555 

เขาจะบอกเราว่าเพราะงั้นเขาก็จะค่อนข้างเหงาๆ เพราะที่นี่ไม่มีเพื่อนเขาเลย

ซึ่งตอนจบ พอเขามาสารภาพรักเรา เขาจะลาออก กลับบ้านเกิด ไปทำงานในฟาร์มค่ะ

(เขาจะบอกว่า ตั้งแต่วันที่เขาเล่นโบว์ลิ่งกับเรา ความว่างเปล่าในใจเขาก็ได้ถูกเติมเต็ม)

เพราะงั้น รูทเซนเซย์ เราจะสอบเข้ามหาลัยไหนหรือทำอะไร ก็ต้องแยกกับเซนเซย์อยู่ดี เหอๆ


สำหรับนิสัยเซนเซย์ ตอนเจอกันครั้งแรก เราก็คิดว่าคุณพี่จะมาแนวนิสัยแบบพี่ชาย ไม่เหมือนอาจารย์

แต่เล่นๆก็พบว่า ไม่ใช่แฮะ มาแนวอาจารย์ชัดมาก แต่แนวชอบสอนเราแบบใจดี ไม่เข้มงวดมาก

เพราะงั้น เล่นๆไป ยังไงก็มองเป็นอย่างอื่นนอกจากอาจารย์ไม่ได้ 555 

เพียงแค่บางทีก็ทำตัวแบบเพื่อนเล่นบ้าง


อย่างเช่นเหตุการณ์โบว์ลิ่งที่ว่าคือไปชั่วโมงเรียนนอกหลักสูตร แต่ดันไม่มีใครมา มาแค่สองคน

เซนเซย์ก็เลยบอกว่า งั้นไปเที่ยวกัน 5555 แล้วก็ลากไปโยนโบว์ลิ่ง บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เล่นเลย

"เป็นไงล่ะ อารมณ์ประมาณนี้ ก็ดูไม่เหมือนคนเล่นครั้งแรกใช่ไหมล่ะ"

สำหรับเซนเซย์เนื้อเรื่องจะแนวความรักต้องห้าม ซึ่งความรักกับเรานี่เป็นรักแรกของเซนเซย์นะ

แต่เพราะเป็นนักเรียน ก็เลยจะพยายามห้ามใจตัวเอง และคิดว่าตัวเองขี้ขลาด

ในขณะที่เขาจะคิดว่าเราเป็นคนจริงจังและมุ่งตรงไปข้างหน้า จึงทำให้เขาจะพยายามก้าวไปด้วย


จุดเริ่มต้นน่าจะเริ่มจากตอนที่เราไปเจอเซนเซย์ดูรูปโมรี่ที่คลอดลูกพอ แล้วก็ยินดีกับเซนเซย์ร่วมกัน

ตอนนั้นเซนเซย์ก็จะพูดประมาณ โมรี่เนี่ยมีลูกแล้วนะ เขาเองก็ต้องพยายามบ้างแล้ว

ซึ่งตอนนั้นนางเอกก็จะคิดว่าพยายามของเซนเซย์นี่ไม่ใช่เรื่องสอนหนังสือสินะ


ในงานโรงเรียน เซนเซย์ได้มาแสดงละครแทนนักเรียนที่มาไม่ได้ เพราะเซนเซย์จำบทได้หมด

เป็นบทเกี่ยวกับผู้ชายคนนึงกับงูขาว(นางเอก)ที่รักกัน แต่งูขาวจะบอกว่าตนไม่สามารถอยู่กับเขาได้

เพราะตนไม่ใช่คนในยุคนี้(จะสื่อว่าเป็นอมตะล่ะมั๊ง) เลยไม่อยากไปกับเซนเซย์เพราะจะทำให้อีกฝ่ายทุกข์

เซนเซย์ก็จะพูดว่า ไม่มีอะไรทุกข์ไปกว่าการไม่มีเธออยู่ด้วยแล้ว 

ถ้าให้ใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่มีเธอ ฉันก็ไม่ต้องการ 

ทีนี้พอแสดงละครจบ เซนเซย์ก็จะเหมือนรู้สึกตัวขึ้นมาจากบทละครนี้ว่า ตัวเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ


ส่วนจุดสุดท้ายก็คือวันคริสมาสต์ปีสุดท้าย เซนเซย์จะวิ่งตามเรามาตอนเลิกงาน

เขาจะขอบคุณเรา และพูดถึงว่าตั้งแต่มาเป็นครูก็มาร่วมงานทุกปี แต่ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้เจอเราแล้วสิ

ตอนก่อนจาก เขาก็จะเข้ามาลูบหัวเรา แล้วก็บอกว่า 

ยิ่งได้อยู่กับเรา เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองจะกลายเป็นพระพุทธเจ้าเข้าทุกที 

(คือจะพูดทำนองว่า ต้องอดทนไม่กล้าทำอะไรอะไรประมาณนั้น 55)

ซึ่งตอนมาสารภาพรัก เขาก็จะบอกว่า วันนั้นที่เขาวิ่งตามเราไป เพราะรู้สึกไม่อยากปล่อยเราไปเลย


สุดท้าย เซนเซย์เลยรวบรวมความกล้ามาหาเราและสารภาพรักกับเรา


ถึงแม้จะมีโมเม้นท์ความน่ารักเจ้าเล่ห์ แอบอ่อยเรานิดๆเป็นบางที 

(ตอนให้ของขวัญวันเกิดก็ชอบบอกว่าจะเอาตั้งโชว์ในโรงเรียน พอเราบอกว่าอาย

ก็เลยบอกว่างั้นเอากลับบ้านไปนอนกอดล่ะกัน 5555)

แต่โดยรวมเราไม่ได้ถึงกับชอบมากมาย ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นอาจารย์ เราเลยรู้สึกแปลกๆรึเปล่าน้อ 

(หรือแค่เพราะไม่หล่อ? ไม่ใช่ไทป์?)

เพียงแต่มีเหตุการณ์event นึง ที่เราชอบมาก คือเหตุการณ์ตอนไปทัศนศึกษา

อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ใจเต้น dokidoki ไปนิดนึง ตอนเห็นซีจี


เรื่องก็คือ ไปเที่ยวกัน แล้วตอนเราจะไปอาบน้ำ ก็ได้ยินห้องอาบน้ำฝั่งผู้ชายโวยวายกัน

นักเรียนชายคนนึงตะโกนเรียกมิคาเงะเซนเซย์ บอกว่าแย่แล้วก๊อกน้ำพัง

เซนเซย์ก็บอกว่า ให้อุดน้ำไว้ก่อน จะรีบไปตามพนักงานมาให้

แล้วก็พอดีกับที่เราเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เซนเซย์ก็โผล่มา

สาเหตุความdokidokiของเราคือ มิคาเงะเซนเซย์ ดูเป็นหนุ่มน้อยมากกกกกกกกก (>//<)

ตกใจ น่ารักอ่ะ 5555 เซนเซย์โผล่มาแบบไม่ใส่เสื้อ (แต่น่าจะใส่กางเกงนะ 5555)

แล้วฮิคารุ(มั๊ง)ก็ทักว่า แต่งตัวออกไปแบบนี้ไม่ดีมั๊ง เซนเซย์ก็เลยฝากให้เราไปช่วยบอกพนักงานให้

แล้วก็บอกว่า พอดีถอดเสื้อให้พวกนักเรียนชายเอาไปอุดก๊อกน้ำที่มันพังอยู่ 555


ตอนไปทัศนศึกษา มีโมเม้นขำเซนเซย์ฉากนึง

คือตอนเราจะข้ามสะพาน แล้วก็ได้ยินฮิคารุ(หรือคาโอรุนี่ล่ะ)เรียกแล้วก็เสียงถ่ายรูป

เราก็จะหันไปอย่างงงๆ ในขณะที่เซนเซย์เก๊กหน้าหล่อหันไป 555

สองสาวก็จะแซวว่า สมกับเป็นมิคาเงะเซนเซย์เลย ขนาดไม่ทันตั้งตัวก็ยังยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ 555


อ่อ ตอนปีใหม่ก็ฮาเซนเซย์ พอเราไปเสี่ยงเซียมซีกัน เซนเซย์ก็จะบอกว่า 

ถ้าเสี่ยงเซียมซี2คน ก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องกลัว ไม่ว่าจะเสี่ยงเซียมซีได้อะไร

เพราะว่า ถ้าคนนึงได้ดี คนนึงได้แย่ บวกกันหารสอง ก็จะเป็นได้ธรรมดาทั้งคู่

เราเลยถามว่า แล้วถ้าได้ทั้งคู่ล่ะ เซนเซย์ก็บอกว่า minus รวมกับ minus ก็เป็น 0 สิ!!! 

คิดได้ไงเนี่ย 5555 สรุปคราวหน้า ต้องไปเสี่ยงเซียมซีสองคนแล้วใช้สูตรอาจารย์สินะ XD


มีครั้งนึง เราทักเซนเซย์ว่าจะถึงชั่วโมงเรียนแล้ว เซนเซย์เลยกำลังจะรีบไป

เราก็รีบห้ามและบอกว่าเซนเซย์ไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า(เดี๋ยวโดนฮิมุโรจจิว่าอีก 55)

เซนเซย์ก็เลยนึกได้ แล้วก็ชมเราว่า

"เธอ..  เดี๋ยวนี้เริ่มเหมือนภรรยาที่คอยดูแล(สามี)แล้วนะ"

เล่าถึงมิคาเงะตอนเจอหนุ่มนัมปะสักนิด

ตอนเจอคุณพี่เสื้อทอง มิคาเงะเซนเซย์จะลากไปหาตำรวจเลยทีเดียว 5555 

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลากไปนะ แล้วก็บอกว่า คราวหน้าอย่าให้เจออีกล่ะ (แต่สุดท้ายก็เจออีกหลายรอบ ฮา)

แอบตกใจนิดนึงและรู้สึกว่าเซนเซย์นี่ดูพึ่งพาได้สมเป็นผู้ใหญ่จริงๆ 555

ส่วนตอนเจอคนลากไปลัทธิ แอบจำไม่ได้แล้วว่าเซนเซย์ตอบอะไร


นอกเรื่อง สปอยส์บทสนทนาในโรงเรียนดีกว่า

พาร์ทเรื่องราวของซัสสะกับปัญหาgap

คือสาวๆจะบอกว่า gap ของซัสสะคือทั้งที่เป็นนักกีฬาแต่กลับกลัวผี

ส่วนคาโอรุก็คือเป็นสาวสวยดูคุณหนูที่ชอบแฮมเบอร์เกอร์

ส่วนฮิคารุ เหมือนจะสรุปกันไม่ได้ว่า gap คืออะไรน้อ 

สุดท้ายซัสสะก็จะหันมาคุยกับเราบอกว่า แต่ของเราเนี่ยยากสุดเลย จะบอกว่ามีแต่gapหรือไม่มีดีล่ะ

แถมท้ายด้วยบทสนทนาตอนกลับบ้านกับนานะคุง (น่าจะยังไม่เคยเล่ามั๊ง 555)

นานะคุง จะพูดถึงเรื่องตำนานของโบสถ์ แล้วก็จะบอกว่ามีเรื่องน่ากลัวกับเรื่องขำ

ตอนแรกก็จะให้เราเลือกฟัง แต่เราก็เลือกไม่ได้ นานะเลยเลือกเองว่าเอาเรื่องขำล่ะกัน

แล้วก็เดินมาใกล้เรา ทำท่าเหมือนจะเล่าแบบกระซิบข้างหู แต่แล้วกลับเป่าลมใส่หูแทน

เราก็ขำเพราะมันจั๊กจี๋ แล้วก็บอกว่า แบบนี้ใครก็ขำทั้งนั้นล่ะ แล้วนานะก็เงียบไปหน้าแดง จากนั้นก็พูดว่า

"นี่.. ฉันคงจะขำไม่ออกล่ะมั๊ง(เพราะเห็นหน้าเราน่ารักเกินจนเขิน) อ่าคือ ขอโทษด้วย"

น่าจะจบแค่นี้แหล่ะค่ะ 555 ไว้รอบหน้าจะมาต่อกับสองพี่น้องชิราฮาเนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น