ก่อนอื่น จะบอกว่าที่จะรีวิวเนี่ยไม่ใช่พี่โอะนะ แต่เป็นพี่เซย์ต่างหาก (ฮา)
สาเหตุเพราะตอนที่เล่นพี่โอะอยู่เนี่ย เราเล่นให้พี่เซย์เป็นว่าที่แฟนเราค่ะ
ส่วนพี่โอะเป็นเพื่อนรักเรา แต่เพราะเป็นแค่เพื่อนรัก เลยเจอแต่เว้นท์พี่เซย์น่ะ
ว่าแล้วก็เลยมาเมาท์พี่เซย์กันหน่อย... เริ่มจากสำรวจบ้านว่าที่แฟนคนนี้ก่อน...
เอ่อ.. พี่เซย์ค่ะ.. นี่บ้านหรือปราสาทคะ?? ^^"
เอาล่ะ ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในปราสาทบ้าน กันดีกว่า
ถ้าใครได้เล่นเกมส์โทคิภาคน้องพีเอสพีกันแล้วก็จะรู้ว่า...
นอกจากบ้านที่ใหญ่โตแล้ว ภายในห้องพี่เซย์ก็ใหญ่กว่าชาวบ้านชาวช่องเขา..
(เข้าไปเปรียบเทียบกันได้ใน boy life นะคะ)
จะเห็นว่าหนุ่มๆทั่วไปเนี่ยเขามีห้องเดียวกัน แต่คุณพี่ เฉพาะห้องพี่ท่านเนี่ยมีสองค่ะ!!!
ห้องพี่ท่านกว้างใหญ่จนเราต้องแซวว่าห้องใหญ่จังนะ
ซึ่งพี่เซย์ก็จะปฏิเสธตามสไตล์คุณหนูผู้ไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกของคนธรรมดาๆเขา
ทำให้เราแอบหมั่นไส้แกล้งเดินเข้าไปใกล้ชิดพี่เซย์ทำให้พี่เซย์ใจเต้นกันเล่นๆ
พี่เซย์ก็ถึงกับสะดุ้ง หน้าแดงและบอกว่า อย่าเข้ามาใกล้ขนาดนี้สิ
เราก็บอกว่า เนี่ย.. ถ้าอยู่ห้องเรานะ ก็ต้องใกล้ชิดกันขนาดนี้แหล่ะ เพราะห้องเราเล็ก
ว่าแล้ว คุณพี่ก็ผลักไล่ไสส่งเราให้ออกห่างๆคุณพี่เขา ก่อนที่คุณพี่เขาจะหัวใจวายซะก่อน
จากนั้นพอเราเดินห่างออกมา พี่แกก็บ่นว่า "ให้ตายสิ อันตรายจริงๆ"
(อันตรายอะไรจ๊ะ อันตรายกับหัวใจพี่เซย์ หรืออันตรายกับเราเพราะพี่เซย์คะ ;p)
หลังจากนั้น ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ.. พี่เซย์ก็จะมาส่งเราถึงบ้านค่ะ
ก็ว่าไปงั้นล่ะ นอกจากความห่วงแล้ว ที่จริงพี่เซย์เขามีสาเหตุลับๆอีกอย่างนึงค่ะ
นั่นก็คือ....
"ถ้าได้อยู่กับเธอล่ะก็ แค่เดินด้วยกันก็พอแล้ว"
ใช่แล้วค่ะ ที่จริงพี่แกแค่อยากจะอยู่ใกล้ๆเราเท่านั้นเอง!!! ว้าย เขินน้า
พี่เซย์น่ารักที่สุดเลยยย >//< ชอบประโยคนี้ พี่ซึนของเรา เดเระให้เห็นแล้วมันน่ารักมาก!!
พอเริ่มดึก คุณพี่ก็ยังคงไม่อยากให้เราไป
"อยู่แบบนี้ตลอดไป... เปล่า ไม่มีอะไร"
กว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ หัวใจแทบหยุดเต้น(ทั้งเราและพี่เซย์นั่นแหล่ะ ฮา) >//<
ว่าแล้วก็มาพูดเรื่องงานอดิเรกของพี่เซย์กันดีกว่า...
จริงๆจะว่าเป็นงานอดิเรกก็ไม่ถูก เพราะที่จริงแล้วเป็นงานหลักของพี่เซย์ต่างหาก
เพราะพี่เซย์ตั้งใจจะเป็นนักเปียโนมืออาชีพ!!!
และวันที่พี่เซย์ไปแข่งเปียโนเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากับ..
ศัตรูคู่แค้นที่ทำให้เขาแพ้และเกือบจะเลิกเล่นเปียโน (ถ้าไม่ได้เจอกับเราเข้าก่อน)
เราก็ไปให้กำลังใจพี่เซย์ในงานแข่งขันด้วยเช่นกัน (แน่นอนค่ะ ว่าที่แฟนนี่นา)
พี่เซย์ในทรงผมนี้มันช่างน่ากรี๊ดเลยเกินนนนนนนนน!!!! >//<
ก่อนจากกัน พี่เซย์ก็ตั้งมั่นว่าคราวนี้ เขาจะเป็นฝ่ายหัวเราะเยาะหมอนั่นให้ดู หึๆๆ
คืนก่อนวันคริสมาสต์อีพ พี่เซย์ที่รักก็โทรศัพท์มาหาเราและถามว่าพรุ่งนี้ว่างไหม
พอเราบอกว่าว่าง น้ำเสียงที่ดังมาจากโทรศัพท์ก็แสดงความดีใจมาก
แต่พอเราถามว่ามีอะไรรึเปล่า พี่เซย์กลับทำตัวซึนๆแล้วบอกกลับมาว่า
"วันคริสมาสต์อีพทั้งที กลับว่างแบบนี้ เป็นคนที่เหงาจริงๆน้า"
หนอยยยย ได้ยินแล้วหมั่นไส้อีกแล้วค่ะ เดี๋ยวคราวหน้าจะตอบว่าไม่ว่างซะเลย ชิๆ
ก็แอบคิดในใจไปอย่างนั้น แต่ก็คงตอบว่าว่างตลอดล่ะ ก็เพราะว่างไว้รอพี่เซย์ไง ;p
แล้วพี่เซย์ก็เลยชวนเราไปงานมหาลัยเขา เป็นงานคอนเสิร์ตฟังเพลง(แนวพวกเปียโน)
ตอนขากลับ แทนที่พี่เซย์จะนั่งรถกลับเหมือนปกติ(ของคุณหนูที่แทบไม่เดินบนถนน)
เขากลับชวนเราไปเดินเล่นและบอกว่า ก็คริสมาสต์อีพนี่นา
แล้วขณะที่เรากำลังเดินชื่นชมต้นคริสมาสต์ไฟอยู่
หิมะก็ตกลงมา...
กลายเป็น.. "ไวท์คริสมาสต์"
พี่เซย์หันมาหาเราและบอกว่า จริงๆเขาตั้งใจจะเตรียมของขวัญไว้ให้เรานะ
แต่เพราะกะทันหัน ก็เลยไม่ทันได้ซื้อของขวัญมาให้
เราก็บอกว่า เราเองก็เหมือนกัน ไม่ได้ซื้อของขวัญให้เลย
แต่พี่เซย์กลับตอบเราว่า
"เธอน่ะ ไม่ต้องหรอก แค่อยู่ที่นี่ตอนนี้ก็พอแล้ว ฉันไม่ต้องการอะไรเลย"
ว้ายยย เขินอีกแล้ววว >//< เวลาพี่เซย์ทำตัวเดเระก็หวานซร้าาาาาา!!!
"เมอรี่คริสมาสต์"
แต่นั่นก็เป็นเว้นท์สุดท้ายของเรากับพี่เซย์ เพราะเราต้องกลับไปหาพี่โอะแล้วค่ะ T^T
วันปีใหม่ พี่เซย์อุตส่าห์โทรมาชวนไปไหว้พระด้วยกัน เราก็ต้องตัดใจไปหาพี่โอะ
ขอโทษน้าพี่เซย์ แต่ตอนนี้เค้ากำลังอยู่รูทพี่โอะอยู่อ่าาาา
ในที่สุดก็ถึงวันจบการศึกษาของเราค่ะ และ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเรา..
คนๆนั้นก็คือ... ผู้ชายคนนี้!!
"ค่อยยังชั่ว อยู่ที่นี่นั่นเอง ตามหาอยู่นะ"
(ขอโทษน้าพี่โอะ เค้ามัวแต่ตามหาพี่เซย์อยู่อ่ะ ;p)
ตกใจอ่ะ คือเรายังไม่เคยได้ฉากจบแบบเลิฟๆของเพื่อนในโทคิเลยสักครั้ง
ตอนแรกก็เลยนึกว่าจะเหมือนกับฉากจบแบบที่รักมากกับรักน้อย
ที่เราต้องปฏิเสธคนแรกก่อน แล้วคนที่สองจะมาสารภาพรัก
กลับกลายเป็นว่า พี่เซย์ไม่มาสารภาพรักกับเราเลย มีแต่พี่โอะที่ตามหาเรา
สุดท้าย... ก็เลิฟๆกับพี่โอะค่ะ เหอๆๆ (งอนแล้ว พี่เซย์ไม่มาสารภาพรักอ่ะ >0<)
แถมนิด เกี่ยวกับ... เซย์จิเซมไป
ช่วงเวลาที่เราอยู่กับเขา รู้สึกเหมือนเขาเป็นเหมือนเด็กเอาแต่ใจคนนึง ฮะๆๆ
แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่าเขามีส่วนที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเราด้วยเช่นกัน
แม้จะชอบทำตัวเย็นชาบ่อยๆ เป็นบางที แต่เขาเองก็มีส่วนใจดีและปากหวานเช่นกัน
มีตอนนึงไปเดทกันที่ฟรีมาร์เกต เซย์จิเซมไปก็บอกว่าเขาจะลองหาของซื้อดูบ้าง
พอเราทักไปอย่างแปลกใจ เพราะเห็นว่าคนอย่างเขาเนี่ยนะจะซื้อของแถวตลาดนัดแบบนี้
เขาก็เลยตอบกลับมาว่า
"เป็นชั้นคนเดียวอย่างนั้นเหรอที่รู้สึกอยากจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน"
(จริงๆแล้วไม่ได้ใช้คำนี้หรอก แต่นึกคำนั้นไม่ออก ลืมไปแล้วอ่ะ ก็ประมาณนี้แหล่ะนะ)
แต่ด้วยความที่เป็นเซย์จิเซมไป ตานี่เลยมีการจิกกัดต่อท้ายว่า
เพราะเห็นว่าอย่างเราน่ะคงจะขึ้นไปเรียนรู้อยู่ในสถานะเดียวกับเขาไม่ได้
เขาเลยต้องลดตัวมาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเราแทน
วันคริสมาสต์อีฟ เขาจะชวนเราไปดูคอนเสิร์ทของมหาลัย(ประมาณนี้แหล่ะ)
วันนั้นจะมีหิมะตกเล็กน้อย แม้เซย์จิเซมไปจะค้านเราว่ามันไม่เป็นไวท์คริสมาสต์หรอก
เพราะหิมะตกแค่นิดเดียว แต่เขาก็จะให้รถกลับไปก่อน และเดินดู "ไวท์คริสมาสต์" กับเรา
โดยให้เป็นของขวัญเรา เพราะโทรมาหารวดเร็ว ทั้งเราและเขาต่างเลยไม่ได้มีของขวัญให้กัน
และเขาจะบอกว่าเขาไม่ต้องการของขวัญจากเรา เพราะแค่เรามาอยู่ที่นี่ก็ถือเป็นของขวัญแล้ว
สำหรับฉากเกือบสารภาพของเซย์อิจิคุง
เขาจะบอกว่า เพราะเราไปถามเรื่องความรักกับเขา
พอเขาคิด(เรื่องเรา)ขึ้นมา ก็เลยไม่สามารถหยุดคิด(ถึงเรา)ได้เลย แม้จะยุ่งแค่ไหน
ส่วนฉากสารภาพรักนี่แหล่ะที่ทำให้ประทับใจ
เรารู้สึกว่าเซย์อิจิเซมไปเนี่ยสารภาพรักได้รุนแรงยังไงไม่รู้
คือเวลาพูดแล้วดูเขาใส่อารมณ์ลงไปเอามากน่ะ ต้องไปดูเองถึงจะรู้ล่ะนะ
เขาจะบอกว่า เขาน่ะมาที่นี่เพื่อเจอเราและเพื่อมา"จบการศึกษา"ด้วย
เพราะแม้จะจบการศึกษาไปแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกเหมือนว่าตนเองจบการศึกษาเลย
เพราะแม้ตัวเองจะอยู่ที่อื่น แต่จิตใจเขาก็จะหวนกลับไปหาห้องดนตรีที่มีเราอยู่ข้างกายเสมอ
เขาเคยคิดจะหนีจากเปียโน(เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีแต่เปียโนเท่านั้น)
แต่แล้วเพราะเราทำให้เขาหวนกลับมาหามันอีกครั้ง
คำพูดที่หลายคนเคยพูดก็ไม่เคยเข้าไปในจิตใจเขา แต่เมื่อเราพูดมันกลับเข้ามาในใจเขา
เราทำให้เขารู้สึกว่าในใจเขาไม่ได้มีแค่เปียโนอย่างเดียวเท่านั้น (แต่มีเราด้วย)
สุดท้ายเขาก็จะถามว่าเรามีพาสปอร์ตใช่ไหม เพราะเขาจะให้เราบินไปปารีสกับเขา
เพราะเขาจะไปเรียนปารีสแล้ว เราก็จะตกใจเพราะมันกะทันหัน
แต่ก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเซย์จิเซมไป "ชั้นต้องการให้เธอมา"
เขาจะให้เวลาเราคิด แต่ก็พูดต่อท้ายว่า
ที่จริงแล้ว.. ชั้นน่ะไม่อยากจะห่างกับเธอแม้แต่เพียงวินาทีเดียว
เพราะฉะนั้น ขอให้เธอคิดอย่างจริงจังด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น