วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[SS-spring]ดาวตก.. ความฝันหรือความจริง?

 วันนี้มาเล่าสปอยส์เรื่อง Starry Sky =In Spring= ให้ฟังแล้วค่าาาา
(หมายเหตุ0... ชื่อเอนทรี่มาความหมายน้าาา ลองอ่านเนื้อเรื่องดูก็คงจะรู้ว่าเราหมายถึงอะไร)
หมายเหตุ1... เราจะแทนชื่อนางเอกด้วยคำว่า "เธอ" นะคะ
หรือใครอยากให้ใส่ชื่อไปเลย ก็บอกมานะ
หมายเหตุ2... หนุ่มๆแต่ละคนเราก็ใส่สีคำพูดต่างกันในส่วนแนะนำตัวละคร
ซึ่งในการเล่าเนื้อเรื่องนี้เราก็จะใส่สีตามในเอนทรี่นั้นด้วยเช่นกันนะคะ
จะไม่บอกว่าใครพูดนะ ดูจากสีเอาล่ะกันค่า



เปิดฉากมาที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เด็กชายสามคนและเด็กสาวสองคนกำลังมองดูดาว
"อ๊ะ ดาวตก" เสียงเด็กชายคนนึงดังขึ้น
"เอ๋ ไหนๆ"
ทว่า... มันหายไปก่อนที่เด็กสาวจะได้ทันเห็น
"อา.. หายไปซะแล้ว คิดว่าจะขอพรซะหน่อยแท้ๆ" เสียงเด็กคนเดิมพูด
"ขอพร?"
แล้วเด็กชายอีกคนก็จะตอบแทนว่า..
"ก่อนที่ดาวจะตกลับหายไป ถ้าขอพรจากใจจริงซ้ำครบสามครั้ง พรทีขอจะสมปรารถนา"
"อย่างนั้นเองหรอ ชั้นเองก็อยากเห็นจัง"
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็ต้องได้เห็นแน่ๆ"
 จากนั้นพวกเขาก็จะคุยเรื่องดาวกันต่อ เขาจะพูดถึงดาวสามกลุ่ม
ดาวสามกลุ่มนี้ทำให้รูปร่างเกิดเป็นสามเหลี่ยม
เด็กสาวก็จะบอกว่าดูเป็นดาวที่สนิทกันดีจัง
ทีนี้เธอก็จะเหลือบไปเห็นดาวอีกดาวข้างบน
ดาวดวงนั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว "ดูเหงาจัง" เพราะไม่สามารถรวมกับกลุ่มนั้นได้
"เหมือนกับชั้นเลย" (เพราะเธอเป็นหญิงคนเดียวในชายสาม)
แต่แล้วเด็กชายคนหนึ่งก็จะพูดขึ้นว่า 
"ไม่เป็นไร (ชื่อดาว)ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ"
แล้วเขาก็จะอธิบายว่าเพราะเมื่อนำดาวมาลากต่อกันก็จะเชื่อมกันได้
"จริงด้วย ดีจังเลย"
เด็กน้อยดีใจ แล้วตอนนั้นเองดาวตกก็โผล่ออกมาอีกให้เธอได้เห็นและขอพร

ปรากฏว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงความฝัน หญิงสาวตื่นขึ้นมาในห้องตนเอง
และพบว่า... ตนเองสายเสียแล้ว!!!

เธอรีบวิ่งไปโรงเรียน และหน้าโรงเรียนนั้นเธอก็ได้เจอกับเด็กหนุ่มคนนึง
คนๆนี้ก็คือ คานาตะ เพื่อนสมัยเด็กของเธอนั่นเอง
"โย่ อรุณสวัสดิ์ เธอเองก็มาสายงั้นหรอ แปลกจังเลยนะ"

เมื่อเธอ เข้าไปในห้องเรียน ก็พบว่าอาจารย์ยังไม่มา
"อรุณสวัสดิ์ คานาตะก็ว่าไปอย่าง แต่เธอเองก็มาสายด้วยงั้นหรอ แปลกจังนะ"
สุซุยะ เพื่อนสมัยเด็กของเธออีกคนทัก

(นางเอกคือหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เข้ามาเรียนแผนกนี้ เธอจะแอบพูดว่า...
ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนสมัยเด็กทั้งสอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะทนเรียนโดยเป็นหญิงคนเดียวได้ไหม)

แล้วเธอก็บอกว่าเพราะเธอฝันถึงเรื่องสมัยเด็กนั่นเลยทำให้มาสาย
ตอนนั้นอีตาคานาตะก็บอกว่าง่วงแล้วก็ยืนหลับไปซะงั้น ต้องให้สุซุยะจับพาไปนั่ง
แล้วเขาก็หันมาคุยกับเราบอกว่า อาจารย์ไปรับนักเรียนใหม่ที่ย้ายมาวันนี้เลยไม่ได้มาเช้า

 แล้วอาจารย์ก็เข้ามาพร้อมเด็กนักเรียนใหม่
(นักเรียนต่างชาติงั้นหรอ) เราคิดในใจ
"หน้าเหมือนผู้หญิงจังเลยย" 
"คานาตะ.. พูดซะดังแบบนั้น มันเสียมารยาทนะ"
"แต่สุซะยะเองก็คิดเหมือนกันไม่ใช่หรอ"
 แล้วสุซุยะเองก็ยอมรับ ตอนนั้นอาจารย์ก็เห็นเขาเลยว่าทั้งสอง
"แย่ล่ะสิ"
"เพราะคานาตะทำให้ชั้นเองก็เลยโดนโกรธไปด้วยเลย แย่จริง"

....

ระหว่างที่โยยืนอยู่หน้าชั้นกับอาจารย์ เขาก็จ้องมาที่เราตลอด จนเพื่อนเราทั้งสองทัก
เราเองก็นึกสงสัยว่าทำไมถึงจ้องขนาดนั้น ไม่คิดว่าจะเคยรู้จักกันด้วย
"(คำว่า ยินดีที่ได้รู้จัก โยจะพูดเป็นฝรั่งเศส) โทโมเอะ โย ขอฝากตัวด้วย"
หลังแนะนำตัว อาจารย์จะให้โยมานั่งข้างๆเรา
เราจะบอกว่ายินดีที่ได้รู้จัก แต่โยจะบอกว่า ไม่ใช่ เราไม่ได้พบกันครั้งแรก
เขาจะบอกว่าเราเคยเจอกันมาก่อน และจะให้เราเรียกเขาว่า ฮิทสึจิ(คันจิเหมือนกัน)
เพราะเราเคยเรียกเขาแบบนี้เมื่อก่อน พอเราเรียก
เขาก็จะบอกว่า ไม่ได้ยินคนเรียกแบบนี้มานานแล้ว

หลังโฮมรูมจบ...
พ่อหนุ่มทั้งสองก็จะบ่นๆ โดยเฉพาะคานาตะคุง จะบ่นหนักที่โยจ้องเราตลอด
"อ๊ะ มองมาทางชั้นแล้ว" ว่าแล้ว คานาตะก็จ้องเขม็งกลับไปบ้างโดยไม่ยอมแพ้
"ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม" โยเข้ามาขอคุยด้วย แต่คานาตะกลับเข้ามาขัด
แต่ก็โดนโยโต้กลับไปว่า เขาไม่มีธุระกับคนอื่นนอกจากเรา แล้วก็เข้ามากอด หอมแก้มเรา
(เนื่องจากอีตานี่เก็บความรักไว้กับตัวมานาน พอมาเจอเราทีก็เลยจู่โจมเลย)
แน่นอนว่าเพื่อนเราทั้งสองต่างอึ้ง และคานาตะก็โวยวาย แต่อีตานี่ก็ไม่สนใจ

แล้วคานาตะก็จะบอกชื่อฝรั่งเศสกับเรา ทำให้เราจำเขาได้แล้ว
"เพราะว่าฮิทสึจิคุงโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยจำไม่ได้น่ะ"
"ผมน่ะหรอ? คุณเองก็โตขึ้นมาเป็นเลดี้เหมือนกัน
แม้ตอนเด็กๆจะมีสเน่ห์อยู่แล้วก็เถอะ"

จากนั้นเราก็จะแนะนำตัวเพื่อนสนิทสมัยเด็กทั้งสองให้
โยจะบอกว่าเขาไม่สนใจคนอื่นหรอก แค่ได้สนิทกับเราก็พอแล้ว
แต่เราจะแย้ง โยก็เลยยอมตามเรา (หมอนี่ยอมคำพูดเรา"เกือบ"ทุกครั้งล่ะค่ะ)
"ถ้าเธอพูดแบบนั้นล่ะก็"
"ฟู่... ท่าทางหนทางข้างหน้าดูจะลำบากนะ" สุซุยะแอบบ่น
พอแนะนำคานาตะให้ ทั้งสองก็เขม่นกัน

ตอนนั้นเราก็นึกขึ้นได้ถึงความฝัน และจึงพูดขึ้นว่าพวกเราเคยดูดาวด้วยกันนี่นา
แต่สุซุยะกลับแย่งขึ้น "ถ้าเคยเจอกับโทโมยะคุงล่ะก็ ผมก็ต้องจำได้แน่ๆสิ"
"จะบอกว่าเพราะผมเป็นลูกครึ่งเลยต่างจากคนอื่นสินะ"
"เปล่าๆ  ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ผมเป็นคนจำหน้าคนเก่งน่ะ
และยิ่งถ้าเป็นเพื่อนกับเธอแล้วด้วย ต้องจำได้แน่นอน"

จากนั้นเราจะให้โยจับมือกับสุซุยะ
"ถ้ามีข้อสงสัยอะไร ไม่ต้องเกรงใจ ถามมาได้เสมอนะ"
"จะจำเอาไว้"
แต่พอจะให้จับมือกับคานาตะ กลับโดนคานาตะคุงปฏิเสธ
แล้วคานาตะก็จะเดินออกไป พอเราถามเขาก็จะบอกว่า
"จะไปยังที่ๆไม่มีหมอนั่น"
 เราก็จะขอโทษแทนคานาตะคุง เช่นเดียวกับสุซุยะก็มาช่วยพูด
"จริงๆแล้วเขาเป็นคนดีนะ ก็แค่กำลังสับสนกับการปรากฏตัวของโทโมยะคุงน่ะ
ก็แค่เขินเท่านั้นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาเป็นปกติแล้ว"
แต่โยคุงกลับไม่ได้ใส่ใจ "แค่ผมได้เจอกับเธออีกครั้ง แค่นั้นก็พอแล้ว"
 "สำหรับผมน่ะ แค่มีเธอก็พอแล้ว... นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องการ"



วันต่อมา โยก็ทะเลาะกับคานาตะอีกแล้ว
ขำดีอ่ะ โยคุงจะเรียกคานาตะว่าเป็น "อันธพาลคุง
ส่วนคานาตะ พอโดนว่างี้เลยโต้กลับไปว่า งั้นนายก็เป็น "ไอ้บ้าจูบดะ"
แล้วก็เถียงกันไปมา ขำดี ฮะๆ แต่วันต่อมาคานาตะก็จะเรียกว่า "ไอ้เจ้าบ้าฮิทสึจิ" แทน
(แล้วบางครั้งก็จะโดนโยบอกว่า ชื่อฮิทสึจิน่ะ ให้เราเป็นคนเดียวที่เรียกได้)
ส่วนเราเรียกโยว่า "โยคุง" แทน (แต่โยยังคงเรียกคานาตะแบบเดิม ฮะๆ)

หมายเหตุ... เนื่องจากเราเล่นคานาตะคุงเป็นคนแรก
เพราะงั้นต่อจากนี้ เนื้อเรื่องจะมาทางหมอนี่ก่อนน้าาา
แล้วก็... เราจะเล่าบางเหตุการณ์เป็นช่วงๆ(ที่เราชอบ)นะค้าา
เพราะงั้นก็คงจะตัดไปหลายจุดเหมือนกัน

หลังจากแวะไปเจอคานาตะโดดเรียนไปนอนตากลมเล่น เราก็เลยโดดบ้าง
(หมอนี่ต่างกับริวจิในเวปคาเระล่ะ เพราะว่าพอเราบอกว่าจะโดดบ้าง
เขาก็จะห้ามเรา แต่ก็โดนเราว่ากลับ ก็เลยมีแอบบ่นพึมพำว่า
"อุตส่าห์เป็นห่วง" ด้วยล่ะค่ะ)
แล้วตอนนั้นเราก็นึกถึงสมัยเด็ก คานาตะร่างกายไม่แข็งแรง
"เน่... ช่วงนี้ร่างกายปกติดีไหม?"
"แน่อยู่แล้วสิ! ไม่ว่าจะทั้งสุซุยะหรือเธอก็ดี.. เป็นห่วงเกินไปแล้วล่ะ"
"เรื่องของตัวเอง ตัวเองก็รู้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้เธอมาห่วงหรอก...
ขอร้องล่ะ"
"อย่าทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้แบบนั้นสิ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อย"
"งะ.. เงยหน้าขึ้นสิ! .. นะ"
(เรากรี๊ดเสียงมากค่ะ ตรงคำว่า'นะ'ปิดท้ายน่ะ >//< คือจริงๆแล้วเราแพ้คำนี้แหล่ะ
เวลาได้ยินหนุ่มๆสไตล์นี้ พูดปิดท้ายว่า ’นะ’ ด้วยน้ำเสียงแนวนี้ เรามักจะหวั่นไหวทุกที
ตั้งแต่โอนี่จังในเลิฟรีโวล่ะ มาคราวนี้คานาตะคุงก็ด้วย แม้คนพากษ์จะคนละคน)
 

หลังคุยกันสักพัก อยู่ๆคานาตะก็พูดไปถึงฮิทสึจิคุง(โย)ขึ้นมา
"ก็เธอน่ะ... ดูสนิทสนมกับเจ้านั่นดีนี่นา... เจ้านั่นน่ะ.. มันชอบ.. ปะ.. เปล่า ไม่มีอะไร!!"
"?"
 "ไม่ใช่! ไม่ได้อิจฉาสักหน่อย!! ยังไงก็ตาม อย่าไปให้หมอนั่นมันทำอะไรแบบนั้นอีกล่ะ"
(ขำตรงนี้อ่ะ ฮะๆๆ กินปูนร้อนท้องเฉยเลย คนเขายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย)
(หมายเหตุ... ตายล่ะ มาอ่านอีกทีเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลผิดไปรึเปล่านะ
รู้สึกตอนนั้นหมอนั่นจะพูดว่า ไม่ได้"หึง"สักหน่อย มากกว่ามั๊ง? ลืมแล้วอ่ะ)
"ดะ.. เดี๋ยวสิ คานาตะ?"
"ชะ... ชั้นจะนอนแล้ว เพราะงั้นเธอก็ด้วย นอนไปซะ!!"

 วันต่อมา คานาตะก็มีเรื่องกับโยอีกแล้ว

"วันนี้ชั้นจะไม่ทนอีกแล้ว ไปเจอกันข้างนอกตัวต่อตัวสิ"
เราจะห้ามแต่ โยก็จะบอกว่า
"ขอโทษนะ แต่ครั้งนี้ไม่สามารถทำตามคำขอของเธอได้
ถ้าแค่อันธพาลคุงคนเดียวยังจัดการไม่ได้ คงไม่สามารถปกป้องคุณได้"
 ส่วนสุซุยะคุงก็เข้าใจว่าเป็นการต่อสู้ของชายสองคน จึงไม่ห้าม
"อีกอย่าง เพราะสองคนนั้นก็มีเลือดในตัวอยู่เยอะ เอาออกไปซะบ้างก็ดีนะ ฮะๆๆ"

พวกเราก็จะออกไปดูทั้งสองคนสู้กัน
"ตอนนี้ยังก่อน แค่ดูอย่างเดียวก็พอ ถ้าเริ่มแย่แล้ว เดี๋ยวผมจะเข้าไปห้ามเองแน่นอน"
"เข้าใจแล้ว"

สุซุยะจะบอกว่าทะเลาะกันเพื่อให้เข้าใจกันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย
"สุซุยะคุงก็ด้วยหรอ?"
"ผมหรอ? ผมน่ะไม่ทำแบบนั้นหรอก เพราะผมเป็นคนรักสันติน่ะ"
"แต่ก็... น่าอิจฉาเหมือนกันนะ การที่สามารถเข้าใจกันด้วยการทะเลาะกันตัวต่อตัว"

สู้ๆไปสักพักอยู่ๆคานาตะก็มีท่าทางผิดปกติ (อาการไม่สบายกำเริบน่ะค่ะ)
สุซุยะเลยเข้ามาขวาง  "พอเท่านั้นล่ะ!"

"ถ้าใช้เวลามากไปกว่านี้ จะหมดเวลากินข้าวพักเที่ยงนะ" (ยิ้ม)
 "อย่ามาขวางน่ะ สุซุยะ ชั้นจะต้องจัดการหมอนี่ให้ได้"
 "ไว้คราวหน้าน่ะ!!! คานาตะ... โทโมยะคุง.. โอเคนะ!"
ทำเสียงเข้มมากค่ะ ก่อนจะกลับมายิ้มและชวนทุกคนไปกินข้าวด้วยกัน
(ไม่ว่ายังไง หมอนี่ก็คุมคนอื่นอยู่หมัดได้ตลอดเสมอ ฮะๆๆ)

 หลังทะเลาะกันเสร็จ เราก็ไปคุยกับคานาตะ
 "แต่ไม่นึกว่าเจ้าฮิทสึจินั่นมันจะแข็งแรงขนาดนี้ ฮะๆๆๆ"
 "โธ่ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงกันหมด ให้ตายสิ"
"เธอเองก็หัวเราะด้วยสิ เวลาแบบนี้เนี่ยล่ะที่ต้องหัวเราะ"
 พอเราไม่ยอม เขาก็เลยเข้ามาจั๊กจี้เรา (ทำคนเล่นแอบขำก๊าก หมอนี่เนี่ยน้าา)
"ฟู่ ยอมหัวเราะแล้วสินะ เธอน่ะ เหมาะกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มมากที่สุด"

 จบแค่นี้ก่อนนะค้าา ไว้คราวหน้ามาต่อ ^0^
แต่ก่อนจบ ขอพูดอะไรอีกนิด คือว่านะ อยากจะบอกว่า..

     1. ตอนที่เราเล่นอยู่เนี่ย รู้สึกอยากเข้าไปกอดคานาตะบ่อยมาก >//<
ก็คานาตะอ่ะน่ารักซร้าาาา เห็นแล้วอยากเข้าไปกอดและบอกความรู้สึกในใจว่า รักน้า!!
แถมตอนที่คานาตะชอบหนีหลบไปเนี่ย อยากวิ่งตามไปจริงๆเล้ยยย
แต่คุณนางเอกก็นะ... ทำตัวไม่ได้ดั่งใจเลย ชิชะ!
แอบสปอยส์ไกลนิด... คือตอนนี้เราเล่นไปถึงตอนคานาตะบอกรักแล้วล่ะ
แอบหงุดหงิดมาก เพราะคุณนางเอกเธอดันไม่ยอมตอบรับ
เอาแต่บอกว่าไม่รู้ความรู้สึกตัวเองอยู่นั่นล่ะ ขณะที่คนเล่นอยากตอบรับใจจะขาด!!
ยิ่งเล่นก็ยิ่งหลงรักคานาตะอ่ะ หมอนี่น่ารักชะมัดเลยยย >//<

      2. อย่างที่โคเนจังว่าล่ะนะ โยคุงน่ะ..."ดูเหมือน"จะเป็นคนนิ่งๆ
แต่จริงๆแล้ว ที่เขาทะเลาะกันน่ะ ส่วนนึงก็เพราะโยชอบไปพูดแหย่ว่าคานาตะนั่นล่ะ
แต่อีกส่วนนึงเพราะคานาตะด้วยที่ไม่ชอบโยเหมือนเพราะหึงเราน่ะนะ

      3. พูดถึงเรื่องการแสดงความรัก ยังไงที่หนึ่งก็ต้องยกให้โย
แต่ที่สองก็ต้องคานาตะล่ะนะ หมอนี่น่ะ ดูหึงเราออกจะชัดเจนขนาดนั้น ฮะๆ
ส่วนสุซุยะ เป็นคนที่ดูออกน้อยสุดแล้วล่ะ ดูหมอนี่เป็นพวกนิ่งๆ ดูเป็นผู้ใหญ่
แต่เพราะดูเรียบเกินไปเลยทำให้เราไม่ค่อยสนใจมั๊ง ฮะๆๆ จนมาถึงเหตุการณ์นึง
(เดี๋ยวจะเล่าคราวหน้า)ที่ทำให้เราเริ่มหันมามองหมอนี่มากขึ้น อิอิ

     4. เกือบลืมพูดไป เรื่องชื่อเอนทรี่น่ะค่ะ ตั้งแบบนี้ เพราะสรุปแล้ว
เราก็ยังไม่เข้าใจว่า สรุปนั่นเป็นแค่ความฝันของนางเอกหรอที่ว่าไปดูดาวสี่คน
แต่จริงๆสรุปแล้ว พ่อหนุ่มทั้งสองก็ไม่เคยเจอโยสินะ?

      พูดแค่นี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวพูดมากเกินเป็นสปอยส์ล่วงหน้าไปอีก ฮะๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น